
ในช่วงต้นปี 2025 นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมส่วนใหญ่คาดว่าการส่งออกเหล็กของจีนจะชะลอตัวลง เนื่องจากปัจจัยลบจากทั่วโลก เช่น ความขัดแย้งทางการค้า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกลดลง อย่างไรก็ตาม ในเดือนกันยายน จีนกลับส่งออกเหล็กสำเร็จรูป (finished steel) ไปแล้วเกือบ 88 ล้านตัน เพิ่มขึ้นถึง 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย
การเร่งส่งออกล่วงหน้าและจังหวะเชิงกลยุทธ์ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การส่งออกเหล็กของจีนขยายตัวเกินคาด คือ การวางแผนล่วงหน้าและการจัดจังหวะการส่งออกอย่างรอบคอบ ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2024 ผู้ส่งออกของจีนได้คาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ของการขึ้นภาษีและการจำกัดทางการค้า จึงเร่งส่งออกสินค้าปริมาณมากออกไปก่อน
เมื่อสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าที่เกี่ยวข้องกับสารเฟนทานิล (fentanyl-related tariff) 10% ต่อสินค้าบางรายการจากจีน ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ และเพิ่มเป็น 20% ในวันที่ 4 มีนาคม ผู้ส่งออกจีนได้เร่งการขนส่งออกก่อนมาตรการดังกล่าวมีผลเต็มรูปแบบ แนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อเนื่องไปตลอดฤดูร้อน โดยมีการเร่งส่งออกเพิ่มเติมก่อนที่สหรัฐฯ และประเทศอื่นจะเพิ่มการตรวจสอบการค้าตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป
ตลาดเกิดใหม่ (Emerging markets) เป็นแรงพยุงสำคัญ ในขณะที่ตลาดหลักหลายแห่งเริ่มมีข้อจำกัดทางการค้าที่เข้มงวดขึ้น ประเทศคู่ค้าภายใต้โครงการ Belt and Road และตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ กลับกลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของการส่งออกเหล็กจีน
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้ มีความต้องการเหล็กเพิ่มขึ้นจากโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายตัวของอุตสาหกรรมภายในประเทศ ในหลายกรณี เหล็กจากจีนได้เข้ามาทดแทนกำลังการผลิตในประเทศที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้การส่งออกมีความต่อเนื่องและมีปริมาณมาก
ความได้เปรียบด้านราคาและการเปลี่ยนโครงสร้างสินค้า ความสามารถในการแข่งขันด้านราคายังคงเป็นจุดแข็งหลักของจีน แม้หลายประเทศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้น แต่สินค้าเหล็กของจีนยังคงมีราคาที่แข่งขันได้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ
นอกจากนี้ จีนยังได้ปรับโครงสร้างการส่งออกเหล็ก โดยเน้นไปที่สินค้าที่ได้เปรียบทางการค้า เช่น บิลเล็ต (billet) ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership) ทำให้บิลเล็ตกลายเป็นสินค้าส่งออกที่เติบโตโดดเด่น โดยผู้ส่งออกจีนส่งไปยังโรงงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อนำไปแปรรูปต่อหรือส่งออกซ้ำ (re-export)
ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์เหล็กมูลค่าสูง เช่น coated sheets, plated sheets, electrical steel และ structural sections ก็มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในปีนี้ สะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ของจีนในการเพิ่มสัดส่วนการส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มและมีความเฉพาะทางมากขึ้น
ส่วนผลิตภัณฑ์เหล็กแบบดั้งเดิม เช่น เหล็กร้อนรีด (hot-rolled coil) ยังคงเผชิญแรงกดดันจากมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ
ความเสี่ยงและแนวโน้มในอนาคต แม้ผลการส่งออกจะยังแข็งแกร่ง แต่ความท้าทายยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในกรณีของบิลเล็ต
ซึ่งการส่งออกบิลเล็ตเพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น ส่วนหนึ่งมาจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและช่องว่างภาษี ทำให้เกิดคำถามถึงความยั่งยืนในระยะยาวการส่งออกผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูป (semi-finished product) ที่ใช้พลังงานสูงในปริมาณมากอาจเพิ่มการใช้พลังงานและการปล่อยคาร์บอนในประเทศ อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเผชิญมาตรการทางการค้าเพิ่มเติมในอนาคต
ดังนั้น การเพิ่มขีดความสามารถในการแปรรูปภายในประเทศและการขยายตลาดสินค้ามูลค่าสูงในต่างประเทศจะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ข้อจำกัดเชิงโครงสร้างเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ด้วย อุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่งจากตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) การบริหารจังหวะการส่งออกอย่างมีประสิทธิภาพ และการกระจายประเภทสินค้าอย่างชาญฉลาด การส่งออกเหล็กของจีนมีแนวโน้มจะทรงตัวได้ตลอดช่วงที่เหลือของปี 2025 แม้ว่ากิจกรรมการผลิตทั่วโลกจะชะลอตัว และความต้องการภายในประเทศยังไม่ฟื้นเต็มที่ก็ตาม
สำหรับผู้ส่งออกเหล็กของจีนแล้ว ความยืดหยุ่นและการเลือกจังหวะที่เหมาะสม ยังคงเป็นข้อได้เปรียบหลักในภูมิทัศน์การค้าที่ผันผวนของโลกในปัจจุบัน